วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Moi Même

Je suis gaie,curieuse de tout , sociable , volontaire , et réfléchie.


Je n'aime pas des gens qui sont timides , hypocrites , paresseux , capricieux et égoïstes.


Je suis curieuse et gaie mais Je suis timide.

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ท้องผูก..อย่าคิดว่าไม่สำคัญ

คนปกติจะถ่ายอุจจาระ 3 ครั้งต่อวัน ถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ผู้ที่ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ประกอบกับการถ่ายลำบาก ต้องใช้เวลาเบ่งนานกว่าปกติ อุจจาระแข็ง หรือมีอาการเจ็บทวารหนักเวลาถ่าย ถือว่ามีอาการท้องผูก หากท้องผูกนานติดต่อกันเกิน 3 เดือน จัดว่าท้องผูกเรื้อรัง
โรคต่างๆ อาจเป็นสาเหตุของอาการท้องผูกได้ ดังนี้1.โรคของต่อมไร้ท่อและความผิดปกติของเกลือแร่ในเลือด เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติ เบาหวานที่มีความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ แคลเซียมในเลือดสูงกว่าปกติ2.การมีสิ่งกีดขวางในทางเดินอาหาร เช่น เนื้องอกในลำไส้ และลำไส้ตีบตัน3.ผู้ป่วยที่นอนอยู่กับเตียง ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว ผู้ป่วยโรคระบบประสาท4.ยาบางชนิดทำให้ลำไส้ทำงานน้อยลง เช่น ยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็ก ยาแก้ปวดกลุ่มมอร์ฟีน ยารักษาอาการทางจิตบางอย่าง ยาลดกรดที่มีเกลืออลูมิเนียมผู้ที่มีอาการท้องผูกส่วนมากมักตรวจไม่พบสาเหตุ ในกลุ่มที่ตรวจไม่พบสาเหตุนี้ ประมาณครึ่งหนึ่งเกิดจากภาวะลำไส้แปรปรวน ประมาณ 1 ใน 3 เกิดจากการเบ่งอุจจาระไม่ถูกวิธี ที่เหลือเกิดจากลำไส้เคลื่อนไหวช้ากว่าปกติภาวะลำไส้แปรปรวน เกิดจากลำไส้ทำงานไม่ปกติ บางครั้งเคลื่อนไหวมากไปก็ทำให้ท้องเสีย บางครั้งเคลื่อนไหวน้อยไปก็ทำให้ท้องผูก อาการมักเป็นๆ หายๆ ผู้ป่วยอาจมีอาการท้องผูกเป็นอาการเด่น และอาจมีอาการปวดท้องหรืออึดอัดท้องร่วมด้วย ซึ่งจะดีขึ้นเมื่อถ่ายอุจจาระ การกินอาหารที่มีกากมากขึ้น กินยาที่กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ออกฤทธิ์เฉพาะที่ในทางเดินอาหาร หรือกินยาระบาย จะช่วยบรรเทาอาการได้ท้องผูกจากการเบ่งอุจจาระไม่ถูกวิธี 1 ใน 3 ของผู้ป่วยท้องผูกเรื้อรังไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อที่ควบคุมการขับถ่ายให้คลายตัวได้ขณะถ่ายอุจจาระทำให้เกิดอาการท้องผูก ผู้ป่วยมักต้องใช้เวลาเบ่งอุจจาระนาน บางครั้งนานกว่า 30 นาที ในรายที่เป็นมากจะไม่ตอบสนองต่อยาระบาย ต้องใช้วิธีสวนทวารช่วย การสอนให้ผู้ป่วยรู้จักเทคนิคการขับถ่ายที่ถูกวิธี โดยใช้เครื่องมือพิเศษที่แสดงการทำงานของกล้ามเนื้อที่ควบคุมการขับถ่าย ช่วยให้ 60-70% ของผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นท้องผูกจากการที่ลำไส้เคลื่อนไหวช้ากว่าปกติ มักมีอาการท้องผูกเรื้อรังและต้องใช้ยาระบายเป็นประจำ ในรายที่มีอาการท้องผูกมาก และใช้ยาระบายไม่ได้ผล อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่ทิ้งไปวิธีดูแลตนเองเมื่อมีอาการท้องผูก1.กินอาหารที่มีกากใยมากๆ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช2.ดื่มน้ำมากๆ ไม่ควรดื่มกาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้อุจจาระแห้ง3.การออกกำลังกาย การเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น4.ฝึกขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลาทุกวัน ลำไส้ใหญ่จะมีการเคลื่อนไหวทำให้เกิดความรู้สึกอยากถ่ายวันละ 1-2 ครั้ง มักเกิดขึ้นหลังตื่นนอนและหลังอาหาร หากกลั้นอุจจาระไว้ในช่วงนั้น โอกาสที่จะรู้สึกอยากถ่ายในวันนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นอีก จึงควรถ่ายให้เป็นเวลา โดยเฉพาะหลังตื่นนอน5.ไม่ควรทำอย่างอื่นขณะขับถ่าย เช่น อ่านหนังสือ กรณีที่เป็นส้วมชักโครก ควรนั่งโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อให้มีแรงเบ่งมากขึ้น6.หากจำเป็นต้องใช้ยาระบาย ควรปรึกษาแพทย์ และเริ่มใช้ยาระบายที่ช่วยให้เกิดการขับถ่ายอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัยก่อน โดยเฉพาะยาที่ช่วยในการดูดน้ำเข้ามาในอุจจาระหรือลำไส้ หรือสารที่เพิ่มปริมาณกากอาหาร
ยาระบาย แบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้1.กลุ่มที่เพิ่มปริมาณกากอาหารในลำไส้ เช่น ลูกพรุน รำข้าว เมล็ดแมงลัก หรือเส้นใยอาหาร ข้อควรระวังคือ ต้องให้สารเหล่านี้พองตัวในน้ำเต็มที่ก่อนรับประทาน และควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่เช่นนั้นอาจอุดตันทางเดินอาหารได้ จึงไม่เหมาะที่จะใช้ปริมาณมากในเด็กเล็ก ยากลุ่มนี้ใช้ได้ผลดีกับผู้ที่ท้องผูกเล็กน้อย ผู้ที่ท้องผูกรุนแรงมักไม่ได้ผลและทำให้เกิดอาการอึดอัดท้อง และไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่หวังผลให้ถ่ายได้ภายใน 24 ชั่วโมงเนื่องจากออกฤทธิ์ช้า2.กลุ่มหล่อลื่นลำไส้ เช่น น้ำมันพาราฟิน การใช้ยานี้นานๆ จะรบกวนการดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค ทำให้ขาดวิตามินเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อขาดวิตามินดี จะมีผลต่อการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส จึงห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์และเด็กเล็ก นอกจากนี้ ถ้าสำลักยานี้เข้าปอด ส่วนประกอบของน้ำมันสามารถทำให้ปอดอักเสบรุนแรงได้ จึงห้ามใช้ในเด็กเล็กและผู้ป่วยที่อาจมีปัญหาด้านการกลืน เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีปัญหาของระบบประสาท และผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง3.กลุ่มที่เพิ่มปริมาณน้ำในลำไส้ ยาที่ใช้บ่อยในกลุ่มนี้คือ แล็กตูโลส มีคุณสมบัติเป็นน้ำตาลที่ไม่สามารถดูดซึมได้ในลำไส้เล็ก ตัวยาจึงเคลื่อนไปถึงลำไส้ใหญ่แล้วถูกย่อยโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ เกิดเป็นกรดอินทรีย์ตามธรรมชาติ ซึ่งจะดูดน้ำเข้ามาในอุจจาระ ทำให้อ่อนตัวขึ้น ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวดีขึ้น ยากลุ่มนี้เหมาะสำหรับทารก เด็ก ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคตับ สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ยาในกลุ่มนี้อีกชนิดหนึ่งคือ มิลก์ออฟแมกนีเซีย เป็นยาที่ช่วยดูดน้ำเข้ามาในอุจจาระและลำไส้ แต่มีข้อเสียคือสารแมกนีเซียมอาจสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดอันตรายในผู้ป่วยที่ไตทำงานไม่ปกติ จึงห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคไต และเด็กเล็ก4.กลุ่มที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ค่อนข้างแรงและเร็ว เช่น มะขามแขก บิสาโคดิล ควรใช้ยากลุ่มนี้เมื่อรักษาด้วยยากลุ่มอื่นไม่ได้ผล โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการท้องผูกรุนแรง ข้อเสียของยากลุ่มนี้คือ อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง การใช้นานๆ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างและการทำงานของลำไส้

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ปีแยร์-ออกุสต์ เรอนัวร์



ปีแยร์-ออกุสต์ เรอนัวร์ (Pierre-Auguste Renoir) (25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2383 - 3 ธันวาคม พ.ศ. 2462) เป็นจิตรกรชาวฝรั่งเศส เป็นที่รู้กันว่าเขาคือหนึ่งในศิลปินในกลุ่มอิมเพรสชั่นนิสม์ที่ให้ความสำคัญกับการใช้สีสันที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของศิลปินในแบบฉับพลัน งานของเรอนัวร์ ส่วนมากจะเน้นที่สวยงาม อ่อนหวานของธรรมชาติและผู้หญิง ภาพของเรอนัวร์ยังสะท้อนวิถีชีวิตและวิพากษ์ระบบศักดินาของฝรั่งเศสช่วงปลายศตวรรษที่ 18 บิดาเป็นช่างตัดเสื้อ เป็นบุตรคนที่ 6 จาก 7 คน ต่อมาในอายุ 23 ปี เรอนัวร์สมัครใจที่จะเป็นนักวาดภาพอิสระ เรอนัวร์เป็นจิตรกรที่ประสบความลำบากอยู่มากมาย เพราะเรอนัวร์เป็นผู้ที่ชอบวาดภาพเปลือย ในช่วง 1890 เป็นต้นไป เรอนัวร์จะวาดภาพเปลือยอย่างอิสระ ในช่วงที่เป็นไขข้ออักเสบ ถึงจะนั่งรถเข็นหรือเอาพู่กันมาติดมือข้างแข็งไว้ก็ตาม เขาก็ให้คนอื่นระบายภาพให้ คำว่า "ดอกไม้" คือคำสุดท้ายที่เรอนัวร์ได้พูดก่อนที่จะเสียชีวิตในขณะที่เขาจัดแบบที่เขาเขียน เรอนัวร์ได้เสียชีวิตอย่างสงบในวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2462