วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Jules Verne


ฌูล กาเบรียล แวร์น (ฝรั่งเศส: Jules Gabriel Verne) (8 กุมภาพันธ์, พ.ศ. 2371 - 24 มีนาคม, พ.ศ. 2448) หรือที่รู้จักกันว่า จูลส์ เวิร์น เกิดที่เมืองน็องต์ (Nantes) ประเทศฝรั่งเศส เป็นนักเขียนชาวฝรั่งเศส ผู้บุกเบิกการเขียนนิยายวิทยาศาสตร์สมัยแรก ๆ แวร์นมีชื่อเสียงจากการเขียนเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัยในอวกาศ ใต้น้ำ และการเดินทางต่าง ๆ ก่อนจะมีการประดิษฐ์เรือดำน้ำหรืออากาศยานจริง ๆ เป็นเวลานาน นวนิยายของเขามักใส่เนื้อหาวิทยาศาสตร์ที่สมจริง ซึ่งยังไม่คุ้นเคยกันในสมัยนั้นแต่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างดีในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะบุกเบิกงานด้านนิยายวิทยาศาสตร์ แต่มีสัดส่วนที่น้อยกว่าเนื้อหาแนวอื่น ๆ ที่เขาเขียน

บทประพันธ์ที่สำคัญได้แก่ Around the World in Eighty Days, Five Weeks In a Balloon, 20,000 Leagues Under the Sea นิยายวิทยาศาสตร์ในยุคท้าย ๆ ของแวร์นจะเริ่มสะท้อนถึงการมองเห็นด้านมืดของเทคโนโลยีรวมถึงการนำเทคโนโลยีไปใช้อย่างผิดทาง เช่น The Clipper of the Clouds, The Master of the World แวร์นเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2448 ภายเขาได้รับการยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งนิยายวิทยาศาสตร์โลก" ร่วมกับ เฮช. จี. เวลล์ (Herbert George Wells) นักเขียนชาวอังกฤษ ซึ่งนักเขียนทั้งสองคนนี้ได้มีอิทธิพลต่อนิยายวิทยาศาสตร์และวงการวิทยาศาสตร์มาจนถึงปัจจุบันนี้

ชื่อของฌูล แวร์น ถูกนำไปตั้งเป็นชื่อของยานขนส่งอัตโนมัติ (Automated Transfer Vehicle - ATV) ลำแรกขององค์การอวกาศยุโรป ซึ่งจะทำหน้าที่ขนส่งพัสดุรวมทั้งต้นฉบับนิยายวิทยาศาสตร์ของเขาขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

Moulin Rouge


มูแลงรูจ! (อังกฤษ: Moulin Rouge!) เป็นภาพยนตร์เพลงเรื่องที่สามในภาพยนตร์ชุดไตรภาค "The Red Curtain Trilogy" ของบาซ เลอห์มานน์ ออกฉายในปี พ.ศ. 2544 เขียนบทโดยเลอห์มานน์ ดัดแปลงจากเรื่องของออร์ฟูและออริดิซี ในตำนานเทพปกรณัมกรีก และจากอุปรากรเรื่อง La Traviata ของจูเซปเป แวร์ดี
ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 8 สาขา และได้รับรางวัลสองสาขา จากการออกแบบเครื่องแต่งกาย และการออกแบบฉาก โดยแคเทอรีน มาร์ติน (ภรรยาของเลอห์มานน์) และได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ภาพยนตร์ตลกและเพลง) นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (นิโคล คิดแมน) และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และได้รับรางวัลบาฟตา สาขานักแสดงประกอบชายยอดเยี่ยม (จิม บรอดเบนท์)
เรื่องย่อ
เรื่องราวในภาพยนตร์เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1899 ที่โรงละครมูแลงรูจ ย่านมองมาร์ต ในกรุงปารีส ซึ่งมีจุดเด่นที่อาคารโรงละครเป็นรูปกังหันลม (ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า มูแลงส์)
กวีและนักเขียนหน้าใหม่ชาวอังกฤษชื่อ คริสเตียน (รับบทโดย แมคเกรเกอร์) ได้รับการชักชวนจากตูลูส-โลแตร็ก (รับบทโดย เลกูซิอาโน) ให้เขียนบทละครเพลงเรื่องใหม่ให้กับคณะคาบาเรต์ของแฮโรลด์ ซิดเลอร์ (รับบทโดย บรอดเบนท์) ชื่อเรื่อง "Spectacular Spectacular" เขามีความรักกับ ซาทีน (รับบทโดย คิดแมน) นางเอกระบำแคนแคนและหญิงงามเมืองในคณะของซิดเลอร์ ละครเพลงเรื่องใหม่นี้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากท่านดยุคแห่งมอนร็อธ (รับบทโดย ร็อกซ์เบิร์ก) โดยมีเงื่อนไขว่าซาทีนจะต้องตกเป็นนางบำเรอของท่านดยุคก่อนจะเปิดการแสดงรอบแรก
ละครเพลง Spectacular Spectacular ที่ซ้อนอยู่ในเรื่อง เป็นละครเพลงแบบโบฮีเมีย คือมีเนื้อเรื่องในอุดมคติเกี่ยวกับความจริง ความสวยงาม อิสรภาพ และความรัก เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมอินเดีย เกี่ยวกับนางบำเรอของมหาราชาอินเดีย ที่ลักลอบมีความรักกับนักเล่นซีตาร์พเนจร เปรียบเทียบกับความรักของซาทีน กับคริสเตียน และดยุค
ก่อนการแสดงรอบแรกจะเริ่มขึ้น ดยุคพบความจริงว่า คริสเตียนกับซาทีนลักลอบมีความสัมพันธ์กันตลอดมา จึงยื่นคำขาดกับซิดเลอร์ ให้กำจัดคริสเตียนให้พ้นทาง มิฉะนั้นจะให้ลูกสมุนสังหารคริสเตียนเสีย ซาทีนจึงบอกกับคริสเตียนว่า เธอเลือกที่จะแต่งงานกับดยุค เช่นเดียวกับในเรื่อง Spectacular Spectacular ที่นางสนมเลือกอภิเษกกับมหาราชา แทนที่จะเป็นนักเล่นซีตาร์ ทั้งนี้เพื่อผลักไสให้เขาเดินออกไปจากชีวิตของเธอ และไม่ถูกสมุนของดยุคสังหาร
ด้วยความคับแค้นใจ คริสเตียนกลับมาขึ้นบนเวทีระหว่างการแสดงรอบแรก ในชุดแต่งกายของนักเล่นซีตาร์ เขาประกาศตัดสัมพันธ์กับซาทีนต่อหน้าผู้ชมทั้งโรงละคร แล้วเดินจากไป แต่เมื่อซาทีนร้องเพลง "Come What May" เพลงที่ทั้งคู่เคยตกลงกันว่าจะใช้แสดงความรักต่อกัน ในตอนท้ายของการแสดง ทั้งคริสเตียนและซาทีนก็รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของอีกฝ่าย
การแสดงละครรอบแรกสำเร็จลงด้วยดี ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามจากผู้ชม แต่ซาทีนก็เสียชีวิตลงหลังการแสดงจบ จากอาการป่วยเป็นวัณโรคเรื้อรัง ในอ้อมกอดของคริสเตียน ก่อนตายเธอให้เขาสัญญาว่า จะเขียนเรื่องราวความรักระหว่างคนทั้งคู่ เกี่ยวกับ "สิ่งที่ดีที่สุดที่เราได้เรียนรู้ คือการได้รัก และถูกรักตอบ"
หนึ่งปีหลังการเสียชีวิตของซาทีน คริสเตียนได้เริ่มเขียนบทละคร พรรณนาความรักของเขากับซาทีน ชื่อเรื่องว่า "มูแลงรูจ"